(1) ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.michelin.com/en/sustainable-development-mobility/working-towards-sustainable-mobility/
(2) ตั้งแต่ขั้นตอนการจัดหาวัตถุดิบ การผลิต ไปจนถึงการใช้งานและการรีไซเคิล
(3) สมรรถนะการเบรกบนพื้นเปียกเมื่อยางใกล้หมดดอก: ผลการทดสอบภายนอกองค์กรที่จัดทำโดย TÜV SÜD Product Service เมื่อเดือนมิถุนายน 2564 ตามคำขอของมิชลิน โดยติดตั้งยางขนาด 205/55 R16 91V กับรถทดสอบ VW Golf 8 ที่ขับขี่ด้วยความเร็ว 20-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (ยางใกล้หมดดอก ในที่นี้หมายถึง ยางที่มีความลึกดอกยางระดับเดียวกับสะพานยาง (Tread Wear Indicator) ซึ่งเป็นความลึกดอกยางขั้นต่ำสุดตามกฎระเบียบของยุโรป โดยการเจียรบนเครื่องจักร)
(4) “กิโลเมตรสุดท้าย” ในที่นี้หมายถึงจนกระทั่งยางสึกถึงระดับต่ำสุดที่กฎหมายกำหนด (1.6 มิลลิเมตร สำหรับประเทศในทวีปยุโรป) ทั้งนี้ ให้อ้างอิงความสึกของยางระดับต่ำสุดตามที่กฎหมายในแต่ละประเทศกำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.michelin.country/performancemadetolast
(5) ผลิตภัณฑ์ยางรุ่นต่อไปนี้ได้รับการออกแบบให้มีอายุการใช้งานยาวนานสูงและสมรรถนะที่ยืนยาวตลอดอายุใช้งาน: ‘มิชลิน ครอสไคลเมท 2’ (MICHELIN CrossClimate 2), ‘มิชลิน ครอสไคลเมท 2 เอสยูวี’ (MICHELIN CrossClimate 2 SUV), ‘มิชลิน ไพรมาซี่ 4+’ (MICHELIN Primacy 4+), ‘มิชลิน อี.ไพรมาซี่’ (MICHELIN e.Primacy), ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต 4 เอส’ (MICHELIN Pilot Sport 4S), ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต 5’ (MICHELIN Pilot Sport 5), ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต อีวี’ (MICHELIN Pilot Sport EV), ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต 4 เอสยูวี’ (MICHELIN Pilot Sport 4 SUV), ‘มิชลิน อัลพิน 6’ (MICHELIN Alpin 6) และ ‘มิชลิน ไพลอต อัลพิน 5’ (MICHELIN Pilot Alpin 5)
(6) จากการคำนวณภายในองค์กรโดยเปรียบเทียบยาง ‘มิชลิน เอนเนอจีย์’ (แรงต้านทานการหมุนของยางล้อมากกว่า 12 กิโลกรัมต่อตัน) กับยาง ‘มิชลิน อี.ไพรมาซี่’ และยาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต อีวี’ (แรงต้านทานการหมุนของยางล้อน้อยกว่า 5 กิโลกรัมต่อตัน)
(7) “ขยะในชีวิตประจำวัน” ได้แก่ ฟางข้าวโพด, ขี้เลื่อย, ภาชนะใส่อาหาร, บรรจุภัณฑ์พลาสติก, ขวดพลาสติก ฯลฯ
(8) ยอดรวมปริมาณวัสดุรีไซเคิลที่กลุ่มมิชลินใช้ในการผลิตยางล้อระหว่างปี 2563-2573 ซึ่งได้จากการคำนวณบนพื้นฐานของเป้าหมายที่จะใช้วัสดุรีไซเคิลในการผลิตยางที่สัดส่วน 40% ภายในปี 2573
(9) สำหรับมิชลิน วัสดุที่ยั่งยืนอาจเป็นวัสดุรีไซเคิลหรือวัสดุจากชีวมวลซึ่งสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ในช่วงชีวิตของมนุษย์หนึ่งคน โดยไม่เป็นวัสดุที่มาจากภาคอาหาร ทั้งนี้ มิชลินไม่ถือว่าวัสดุธรรมชาติซึ่งไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ในช่วงชีวิตของมนุษย์หนึ่งคน (เช่น น้ำมัน) เป็นวัสดุที่ยั่งยืน ด้วยเหตุนี้ วัสดุบางประเภทแม้จะมีที่มาจากแร่ธรรมชาติ เช่น ซิลิกา จึงไม่ถือเป็น “วัสดุที่ยั่งยืน” ภายใต้คำจำกัดความของมิชลิน
(10) จากผลการทดสอบภายในองค์กร โดยเปรียบเทียบกับยาง ‘มิชลิน ไพรมาซี่ 4’ ขนาด 235/55R19 105W ที่วางจำหน่ายในตลาดปัจจุบัน
(11) วัสดุรีไซเคิลเป็นวัตถุดิบที่เกิดจากกระบวนการรีไซเคิลด้วยการนำขยะอุตสาหกรรมหรือขยะที่ผ่านการบริโภคแล้วกลับมาผ่านกระบวนการให้เป็นผลิตภัณฑ์, วัสดุ หรือสสาร อีกครั้ง ทั้งนี้ไม่รวมถึงการนำพลังงานกลับมาใช้ซ้ำหรือการนำวัสดุกลับมาผ่านกระบวนการเพื่อใช้เป็นพลังงาน (อ้างอิงตามคำจำกัดความภายใต้ข้อกำหนดของสหภาพยุโรปว่าด้วยขยะ)
(12) UPTIS ย่อมาจาก Unique Puncture-Proof Tyre System เป็นชุดยางล้อไร้ลมที่มิชลินพัฒนาขึ้นร่วมกับ Maxion ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์กระทะล้อรูปแบบพิเศษของยาง ‘มิชลิน อัพทิส’
(13) สอดคล้องกับน้ำหนักเฉลี่ยของมวลยางล้อหน้าและยางล้อหลัง นั่นคือ มีวัสดุที่ยั่งยืนเป็นส่วนประกอบของยางล้อหน้าในสัดส่วน 33% และยางล้อหลังในสัดส่วน 46%