
ยางที่ออกแบบให้มีสมรรถนะขั้นสูง
ตลอดอายุใช้งาน
คำถามที่ผู้ขับขี่รถยนต์ควรถามตนเองอยู่เสมอมี 2 คำถาม คือ “ยางที่ใช้อยู่ช่วยให้ขับขี่ปลอดภัยหรือไม่” และ “ควรเปลี่ยนยางเมื่อใดเพื่อให้ขับขี่ได้อย่างปลอดภัย”
“แม้เวลาเปลี่ยน ความมั่นใจไม่เคยเปลี่ยน” (Performance Made to Last) เป็นสโลแกนที่สะท้อนความมุ่งมั่นของมิชลินในการนำเสนอประสบการณ์การขับขี่ที่ให้สมรรถนะและความปลอดภัยยาวนาน...ตั้งแต่กิโลเมตรแรกจนถึงกิโลเมตรสุดท้ายของอายุการใช้งานยาง ซึ่งหมายถึงเมื่อดอกยางสึกจนถึงระดับต่ำสุดที่กฎหมายกำหนด(1)(2) ส่งผลให้เปลี่ยนยางบ่อยน้อยลง ประหยัดค่าใช้จ่าย และช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ถือว่าได้ประโยชน์ทั้งต่อผู้ขับขี่และต่อโลก
“สมรรถนะที่ยาวนานตลอดอายุใช้งาน” คือแกนหลักของจิตวิญญาณด้านนวัตกรรมของมิชลิน อันเป็นผลมาจากการวิจัยหลายพันชั่วโมงและการทดสอบอย่างเข้มข้น
ผู้เชี่ยวชาญของเราได้ทำการทดสอบจำนวนนับครั้งไม่ถ้วนท่ามกลางสภาพแวดล้อมรุนแรงถึงขีดสุดเพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ยางของเราจะให้สมรรถนะสูงแม้เมื่อผ่านการใช้งานเป็นเวลานาน ส่งผลให้การขับขี่ปลอดภัยและเพลิดเพลินยิ่งกว่าในระยะยาว
กล่าวคือ สมรรถนะในการเบรก การหยุดรถ การยึดเกาะถนน และการควบคุมรถ(6) ยังคงประสิทธิภาพดียาวนานจนกระทั่งดอกยางสึกถึงระดับต่ำสุดที่กฎหมายกำหนด(1)
โดยปกติยางจะเริ่มสึกทันทีที่ติดตั้งเพื่อใช้งาน และสมรรถนะจะเปลี่ยนแปลงไปเมื่อผ่านการใช้งานเป็นเวลานาน
แนวคิด “สมรรถนะที่ยาวนานตลอดอายุใช้งาน” ซึ่งเป็นหลักสำคัญในการผลิตยางมิชลิน ทำให้ยางยังคงมีระยะเบรกสั้นแม้เมื่อดอกยางสึกถึงระดับต่ำสุดที่กฎหมายกำหนด(4)(5)
(4) การทดสอบดำเนินการโดย TUV Rheiland Thailand บนพื้นถนนเปียกและแห้งที่อุณหภูมิ 27-30 oC เมื่อเดือนมกราคม 2018 ที่ จ.ชลบุรี ประเทศไทย ตามคำขอของมิชลิน ตามเงื่อนไขในการเปรียบเทียบ ยางมิชลิน ไพรมาซี่ 4 ขนาด 225/50R17 101W PRIMACY 4 ทั้งยางใหม่และยางใกล้หมดดอก กับยางคู่แข่งชั้นนำทังยางใหม่และยางใกล้หมดดอก บนรถทดสอบ HONDA รุ่น Accord ที่ขับขี่ด้วยความเร็ว 0 - 80 กม./ชม. ซึ่งแสดงให้เห็นว่า: - ยางใหม่ เบรกสั้นกว่าค่าเฉลี่ยระยะเบรกของยางชั้นนำทั่วไป 2.5 เมตร - ยางใกล้หมดดอก เบรกสั้นกว่าค่าเฉลี่ยระยะเบรกของยางชั้นนำทั่วไป 5.1 เมตร
(5) การทดสอบดำเนินการโดย TUV Rheiland Thailand บนพื้นถนนเปียกและแห้งที่อุณหภูมิ 27-30 oC เมื่อเดือนมกราคม 2018 ที่ จ.ชลบุรี ประเทศไทย ตามคำขอของมิชลิน ตามเงื่อนไขในการเปรียบเทียบ ยางมิชลิน ไพรมาซี่ 4 ขนาด 225/50R17 101W PRIMACY 4 ทั้งยางใหม่และยางใกล้หมดดอก บนรถทดสอบ HONDA รุ่น Accord ซึ่งทดสอบเสียงในห้องโดยสารรถยนต์ที่ความเร็ว 50-70 กม./ชม. และผลประเมินความนุ่มสบายที่ความเร็ว 30-50 กม./ชม.
แนวคิด “สมรรถนะที่ยาวนานตลอดอายุใช้งาน” ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยีมากถึง 27 รายการ
ต่อไปนี้คือข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเทคโนโลยีบางรายการที่อยู่เบื้องหลังแนวคิด “สมรรถนะที่ยาวนานตลอดอายุใช้งาน”
ค้นพบตัวเลือกบางส่วนในกลุ่มยางที่ให้สมรรถนะยาวนานตลอดอายุใช้งานภายใต้สโลแกน “แม้เวลาเปลี่ยน ความมั่นใจไม่เคยเปลี่ยน” (Performance Made to Last)
ยางรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริด
ยาง MICHELIN e·PRIMACY ยางรักษ์โลกสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริด เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน
ยางรถเอสยูวี
ยางเพื่อรถเอสยูวี อีกขั้นของการควบคุม มั่นใจแม้เวลาเปลี่ยน
ยางรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริด
เหนือกว่าด้วยสมรรถนะในการควบคุม มั่นใจตลอดอายุใช้งานสำหรับรถสปอร์ตไฟฟ้า
ยางรถยนต์นั่ง
ขับสนุกควบคุมดั่งใจมั่นใจแม้เวลาเปลี่ยน
มิชลินมุ่งเน้นเรื่องการสัญจรที่ยั่งยืนยิ่งกว่าเพื่อลูกค้าและสิ่งแวดล้อม โดยตั้งเป้าหมายสุดท้าทายที่จะผลิตยางที่ยั่งยืน 100% ให้ได้ภายในปี 2593
เราจึงใส่ใจในทุกขั้นตอนของวงจรชีวิตยาง ตั้งแต่การออกแบบ การผลิต ไปจนถึงการจัดจำหน่าย การใช้งาน และการนำกลับมาแปรสภาพเพื่อใช้ใหม่ หรือ “รีไซเคิล” (Recycle)
เราบรรเทาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ยางได้โดยช่วยลดการเปลี่ยนยางก่อนเวลาอันควรด้วยแนวคิด “สมรรถนะที่ยาวนานตลอดอายุใช้งาน” ตลอดจนลดการสิ้นเปลืองพลังงาน, ลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และการใช้วัตถุดิบที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตยางใหม่
ข้อความสงวนสิทธิ์ทางกฎหมาย
(1) ระดับความลึกร่องดอกยางต่ำสุดที่กฎหมายกำหนด คือ 1.6 มิลลิเมตร ทั้งนี้ ในกรณีที่เป็นการ
สึกหรอจากการใช้งานตามปกติ และให้เป็นไปตามคำแนะนำของผู้ผลิตรถยนต์และผู้ผลิตยางรถยนต์ หากมีข้อสงสัย ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ [ระเบียบข้อบังคับของยุโรป 89/459/CEE]
(2) กลุ่มผลิตภัณฑ์ยางต่อไปนี้ได้รับการออกแบบให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานเป็นพิเศษและสมรรถนะที่ยาวนานตลอดอายุใช้งาน: มิชลิน ครอสไคลเมท2 (MICHELIN CrossClimate²), มิชลิน ครอสไคลเมท 2 เอสยูวี (MICHELIN CrossClimate 2 SUV), มิชลิน ไพรมาซี่ 4+ (MICHELIN Primacy 4+), มิชลิน อี.ไพรมาซี่ (MICHELIN e.Primacy), มิชลิน ไพลอต สปอร์ต 4เอส (MICHELIN Pilot Sport 4S), มิชลิน ไพลอต สปอร์ต 5 (MICHELIN Pilot Sport 5), มิชลิน ไพลอต สปอร์ต อีวี (MICHELIN Pilot Sport EV), มิชลิน ไพลอต สปอร์ต 4 เอสยูวี (MICHELIN Pilot Sport 4 SUV), มิชลิน อัลพิน 6 (MICHELIN Alpin 6) และ มิชลิน ไพลอต อัลพิน 5 (MICHELIN Pilot Alpin 5)
(3) คำว่า “กิโลเมตรสุดท้าย” ในที่นี้หมายถึง ยางผ่านการใช้งานจนความลึกร่องดอกยางอยู่ที่ระดับต่ำสุดตามกฎหมาย (1.6 มิลลิเมตร ในกรณีของยุโรป) ทั้งนี้ ให้อ้างอิงความลึกร่องดอกยางต่ำสุดตามกฎหมายในประเทศที่คุณอาศัยอยู่
(4) การทดสอบดำเนินการโดย TUV Rheiland Thailand บนพื้นถนนเปียกและแห้งที่อุณหภูมิ 27-30 oC เมื่อเดือนมกราคม 2018 ที่ จ.ชลบุรี ประเทศไทย ตามคำขอของมิชลิน ตามเงื่อนไขในการเปรียบเทียบ ยางมิชลิน ไพรมาซี่ 4 ขนาด 225/50R17 101W PRIMACY 4 ทั้งยางใหม่และยางใกล้หมดดอก กับยางคู่แข่งชั้นนำทังยางใหม่และยางใกล้หมดดอก บนรถทดสอบ HONDA รุ่น Accord ที่ขับขี่ด้วยความเร็ว 0 - 80 กม./ชม. ซึ่งแสดงให้เห็นว่า: - ยางใหม่ เบรกสั้นกว่าค่าเฉลี่ยระยะเบรกของยางชั้นนำทั่วไป 2.5 เมตร - ยางใกล้หมดดอก เบรกสั้นกว่าค่าเฉลี่ยระยะเบรกของยางชั้นนำทั่วไป 5.1 เมตร
ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างออกไป ขึ้นอยู่กับสภาพถนนและสภาพอากาศ
(5) การทดสอบดำเนินการโดย TUV Rheiland Thailand บนพื้นถนนเปียกและแห้งที่อุณหภูมิ 27-30 oC เมื่อเดือนมกราคม 2018 ที่ จ.ชลบุรี ประเทศไทย ตามคำขอของมิชลิน ตามเงื่อนไขในการเปรียบเทียบ ยางมิชลิน ไพรมาซี่ 4 ขนาด 225/50R17 101W PRIMACY 4 ทั้งยางใหม่และยางใกล้หมดดอก บนรถทดสอบ HONDA รุ่น Accord ซึ่งทดสอบเสียงในห้องโดยสารรถยนต์ที่ความเร็ว 50-70 กม./ชม. และผลประเมินความนุ่มสบายที่ความเร็ว 30-50 กม./ชม.
(6) สมรรถนะการเบรกบนถนนเปียกของยางฤดูร้อน, สมรรถนะการเบรกและการหยุดรถบนถนนเปียกและถนนที่ปกคลุมด้วยหิมะของยางทุกฤดูกาลและยางฤดูหนาว และสมรรถนะการควบคุมรถหรือการยึดเกาะบนสนามแข่งของยางสปอร์ต
(7) ข้อมูลจากรายงานหัวข้อ “Planned Obsolescence Is Not Inevitable” ซึ่งจัดทำโดยบริษัท เอินส์ทแอนด์ยัง (Ernst & Young) เมื่อเดือนพฤษภาคม 2560
(8) จากการประเมินภายในองค์กรโดยศูนย์เทคโนโลยีลาดูซ์ (Ladoux Technology Center) ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองแกลร์มง-แฟร็อง (Clermont-Ferrand) ประเทศฝรั่งเศส: เอกสารทางวิชาการ (Technical Bulletin) ฉบับวันที่ 27 กันยายน 2559 ว่าด้วยวัตถุดิบ การสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง และปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่เกิดจากการเปลี่ยนยางรถยนต์นั่งก่อนเวลาอันควร