Choose a language
mich 2206107 michelin 02 lrvb 150dpi

ยางที่ออกแบบให้มีสมรรถนะขั้นสูง

ตลอดอายุใช้งาน

คุณสมบัติเด่นของยางมิชลิน คือการให้สมรรถนะที่ยาวนานตลอดอายุใช้งาน

คำถามที่ผู้ขับขี่รถยนต์ควรถามตนเองอยู่เสมอมี 2 คำถาม คือ “ยางที่ใช้อยู่ช่วยให้ขับขี่ปลอดภัยหรือไม่” และ “ควรเปลี่ยนยางเมื่อใดเพื่อให้ขับขี่ได้อย่างปลอดภัย”
“แม้เวลาเปลี่ยน ความมั่นใจไม่เคยเปลี่ยน” (Performance Made to Last) เป็นสโลแกนที่สะท้อนความมุ่งมั่นของมิชลินในการนำเสนอประสบการณ์การขับขี่ที่ให้สมรรถนะและความปลอดภัยยาวนาน...ตั้งแต่กิโลเมตรแรกจนถึงกิโลเมตรสุดท้ายของอายุการใช้งานยาง ซึ่งหมายถึงเมื่อดอกยางสึกจนถึงระดับต่ำสุดที่กฎหมายกำหนด(1)(2) ส่งผลให้เปลี่ยนยางบ่อยน้อยลง ประหยัดค่าใช้จ่าย และช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ถือว่าได้ประโยชน์ทั้งต่อผู้ขับขี่และต่อโลก

โดดเด่นด้วยอายุการใช้งานที่ยาวนานเป็นเยี่ยมและสมรรถนะขั้นสูง...ตั้งแต่กิโลเมตรแรกจนถึงกิโลเมตรสุดท้าย(2)(3)

“สมรรถนะที่ยาวนานตลอดอายุใช้งาน” คือแกนหลักของจิตวิญญาณด้านนวัตกรรมของมิชลิน อันเป็นผลมาจากการวิจัยหลายพันชั่วโมงและการทดสอบอย่างเข้มข้น

ผู้เชี่ยวชาญของเราได้ทำการทดสอบจำนวนนับครั้งไม่ถ้วนท่ามกลางสภาพแวดล้อมรุนแรงถึงขีดสุดเพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ยางของเราจะให้สมรรถนะสูงแม้เมื่อผ่านการใช้งานเป็นเวลานาน ส่งผลให้การขับขี่ปลอดภัยและเพลิดเพลินยิ่งกว่าในระยะยาว

กล่าวคือ สมรรถนะในการเบรก การหยุดรถ การยึดเกาะถนน และการควบคุมรถ(6) ยังคงประสิทธิภาพดียาวนานจนกระทั่งดอกยางสึกถึงระดับต่ำสุดที่กฎหมายกำหนด(1)

MICHELIN tyres are designed for high levels of performance throughout their life

“สมรรถนะที่ยาวนานตลอดอายุใช้งาน” คือหลักสำคัญ

Longevity is at the heart of Michelin DNA

อายุใช้งานที่ยาวนานของยางมิชลิน

สมรรถนะสูงตลอดอายุใช้งาน

ประกอบกับสมรรถนะขั้นสูงแม้ผ่านการใช้งานเป็นเวลานาน

ยางที่ใช้งานได้ยาวนาน

ส่งผลให้ผู้ขับขี่ใช้งานยางได้นาน โดยไม่ต้องเปลี่ยนยางก่อนเวลาอันควร

ช่วยประหยัดเงินและลดขยะยางรถยนต์

ช่วยประหยัดเงินและลดขยะยางรถยนต์

แม้ยางจะผ่านการใช้งานจนสึก...แต่ยังคงให้ความปลอดภัย(1)(3)

โดยปกติยางจะเริ่มสึกทันทีที่ติดตั้งเพื่อใช้งาน และสมรรถนะจะเปลี่ยนแปลงไปเมื่อผ่านการใช้งานเป็นเวลานาน

แนวคิด “สมรรถนะที่ยาวนานตลอดอายุใช้งาน” ซึ่งเป็นหลักสำคัญในการผลิตยางมิชลิน ทำให้ยางยังคงมีระยะเบรกสั้นแม้เมื่อดอกยางสึกถึงระดับต่ำสุดที่กฎหมายกำหนด(4)(5)

(4) การทดสอบดำเนินการโดย TUV Rheiland Thailand บนพื้นถนนเปียกและแห้งที่อุณหภูมิ 27-30 oC เมื่อเดือนมกราคม 2018 ที่ จ.ชลบุรี ประเทศไทย ตามคำขอของมิชลิน ตามเงื่อนไขในการเปรียบเทียบ ยางมิชลิน ไพรมาซี่ 4 ขนาด 225/50R17 101W PRIMACY 4 ทั้งยางใหม่และยางใกล้หมดดอก กับยางคู่แข่งชั้นนำทังยางใหม่และยางใกล้หมดดอก บนรถทดสอบ HONDA รุ่น Accord ที่ขับขี่ด้วยความเร็ว 0 - 80 กม./ชม. ซึ่งแสดงให้เห็นว่า: - ยางใหม่ เบรกสั้นกว่าค่าเฉลี่ยระยะเบรกของยางชั้นนำทั่วไป 2.5 เมตร - ยางใกล้หมดดอก เบรกสั้นกว่าค่าเฉลี่ยระยะเบรกของยางชั้นนำทั่วไป 5.1 เมตร

(5) การทดสอบดำเนินการโดย TUV Rheiland Thailand บนพื้นถนนเปียกและแห้งที่อุณหภูมิ 27-30 oC เมื่อเดือนมกราคม 2018 ที่ จ.ชลบุรี ประเทศไทย ตามคำขอของมิชลิน ตามเงื่อนไขในการเปรียบเทียบ ยางมิชลิน ไพรมาซี่ 4 ขนาด 225/50R17 101W PRIMACY 4 ทั้งยางใหม่และยางใกล้หมดดอก บนรถทดสอบ HONDA รุ่น Accord ซึ่งทดสอบเสียงในห้องโดยสารรถยนต์ที่ความเร็ว 50-70 กม./ชม. และผลประเมินความนุ่มสบายที่ความเร็ว 30-50 กม./ชม.
 

graphique

นวัตกรรมเบื้องหลังแนวคิด “สมรรถนะที่ยาวนานตลอดอายุใช้งาน”

block4

แนวคิด “สมรรถนะที่ยาวนานตลอดอายุใช้งาน” ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยีมากถึง 27 รายการ

ต่อไปนี้คือข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเทคโนโลยีบางรายการที่อยู่เบื้องหลังแนวคิด “สมรรถนะที่ยาวนานตลอดอายุใช้งาน”

  • MaxTouch เทคโนโลยีเพื่ออายุการใช้งานที่ยาวนานยิ่งขึ้น โดยช่วยเพิ่มพื้นที่หน้าสัมผัสระหว่างยางล้อกับผิวถนนและกระจายแรงกดอย่างสม่ำเสมอตลอดหน้ายาง ส่งผลให้หน้ายางมีอายุใช้งานนานขึ้นโดยยังคงให้สมรรถนะที่เหนือกว่า
     
  • ร่องรีดน้ำรูปตัว U (U-Shape Grooves) เทคโนโลยีเพื่อประสิทธิภาพการขับขี่บนถนนเปียกที่เหนือกว่า โดยอัตราส่วนพื้นที่ร่องรีดน้ำจะเพิ่มขึ้นเมื่อหน้ายางสึก จึงช่วยระบายน้ำออกจากหน้ายางได้รวดเร็วขึ้น
     
  • P-Edge เทคโนโลยีเพื่อประสิทธิภาพในการขับขี่ท่ามกลางหิมะ โดยร่องดอกยางจะมีปริมาตรมากขึ้นเมื่อยางสึก ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของขอบมุมและประสิทธิภาพการยึดเกาะเมื่อขับขี่ท่ามกลางหิมะ

มั่นใจได้ว่ายางมิชลินมีตัวเลือกเพื่อตอบทุกโจทย์ความต้องการของคุณ

ค้นพบตัวเลือกบางส่วนในกลุ่มยางที่ให้สมรรถนะยาวนานตลอดอายุใช้งานภายใต้สโลแกน “แม้เวลาเปลี่ยน ความมั่นใจไม่เคยเปลี่ยน” (Performance Made to Last)

ความเป็นไปได้ในเรื่อง “สมรรถนะระยะยาว”

มิชลินมุ่งเน้นเรื่องการสัญจรที่ยั่งยืนยิ่งกว่าเพื่อลูกค้าและสิ่งแวดล้อม โดยตั้งเป้าหมายสุดท้าทายที่จะผลิตยางที่ยั่งยืน 100% ให้ได้ภายในปี 2593

เราจึงใส่ใจในทุกขั้นตอนของวงจรชีวิตยาง ตั้งแต่การออกแบบ การผลิต ไปจนถึงการจัดจำหน่าย การใช้งาน และการนำกลับมาแปรสภาพเพื่อใช้ใหม่ หรือ “รีไซเคิล” (Recycle)

เราบรรเทาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ยางได้โดยช่วยลดการเปลี่ยนยางก่อนเวลาอันควรด้วยแนวคิด “สมรรถนะที่ยาวนานตลอดอายุใช้งาน”  ตลอดจนลดการสิ้นเปลืองพลังงาน, ลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และการใช้วัตถุดิบที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตยางใหม่

map search desktop

ค้นหาตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยางที่อยู่ใกล้เคียง

ค้นหาจาก
ที่อยู่ จังหวัด หรือรหัสไปรษณีย์
รถยนต์
  • รถยนต์
  • รถจักรยานยนต์
  • จักรยานยนต์
ค้นหาจากตำแหน่งของฉัน
ค้้นหา

ข้อความสงวนสิทธิ์ทางกฎหมาย

(1) ระดับความลึกร่องดอกยางต่ำสุดที่กฎหมายกำหนด คือ 1.6 มิลลิเมตร ทั้งนี้ ในกรณีที่เป็นการ
สึกหรอจากการใช้งานตามปกติ และให้เป็นไปตามคำแนะนำของผู้ผลิตรถยนต์และผู้ผลิตยางรถยนต์ หากมีข้อสงสัย ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ [ระเบียบข้อบังคับของยุโรป 89/459/CEE]

(2) กลุ่มผลิตภัณฑ์ยางต่อไปนี้ได้รับการออกแบบให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานเป็นพิเศษและสมรรถนะที่ยาวนานตลอดอายุใช้งาน: มิชลิน ครอสไคลเมท2 (MICHELIN CrossClimate²), มิชลิน ครอสไคลเมท 2 เอสยูวี (MICHELIN CrossClimate 2 SUV), มิชลิน ไพรมาซี่ 4+ (MICHELIN Primacy 4+), มิชลิน อี.ไพรมาซี่ (MICHELIN e.Primacy), มิชลิน ไพลอต สปอร์ต 4เอส (MICHELIN Pilot Sport 4S), มิชลิน ไพลอต สปอร์ต 5 (MICHELIN Pilot Sport 5), มิชลิน ไพลอต สปอร์ต อีวี (MICHELIN Pilot Sport EV), มิชลิน ไพลอต สปอร์ต 4 เอสยูวี (MICHELIN Pilot Sport 4 SUV), มิชลิน อัลพิน 6 (MICHELIN Alpin 6) และ มิชลิน ไพลอต อัลพิน 5 (MICHELIN Pilot Alpin 5)

(3) คำว่า “กิโลเมตรสุดท้าย” ในที่นี้หมายถึง ยางผ่านการใช้งานจนความลึกร่องดอกยางอยู่ที่ระดับต่ำสุดตามกฎหมาย (1.6 มิลลิเมตร ในกรณีของยุโรป)  ทั้งนี้ ให้อ้างอิงความลึกร่องดอกยางต่ำสุดตามกฎหมายในประเทศที่คุณอาศัยอยู่ 

(4) การทดสอบดำเนินการโดย TUV Rheiland Thailand บนพื้นถนนเปียกและแห้งที่อุณหภูมิ 27-30 oC เมื่อเดือนมกราคม 2018 ที่ จ.ชลบุรี ประเทศไทย ตามคำขอของมิชลิน ตามเงื่อนไขในการเปรียบเทียบ ยางมิชลิน ไพรมาซี่ 4 ขนาด 225/50R17 101W PRIMACY 4 ทั้งยางใหม่และยางใกล้หมดดอก กับยางคู่แข่งชั้นนำทังยางใหม่และยางใกล้หมดดอก บนรถทดสอบ HONDA รุ่น Accord ที่ขับขี่ด้วยความเร็ว 0 - 80 กม./ชม. ซึ่งแสดงให้เห็นว่า: - ยางใหม่ เบรกสั้นกว่าค่าเฉลี่ยระยะเบรกของยางชั้นนำทั่วไป 2.5 เมตร - ยางใกล้หมดดอก เบรกสั้นกว่าค่าเฉลี่ยระยะเบรกของยางชั้นนำทั่วไป 5.1 เมตร

ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างออกไป ขึ้นอยู่กับสภาพถนนและสภาพอากาศ

(5) การทดสอบดำเนินการโดย TUV Rheiland Thailand บนพื้นถนนเปียกและแห้งที่อุณหภูมิ 27-30 oC เมื่อเดือนมกราคม 2018 ที่ จ.ชลบุรี ประเทศไทย ตามคำขอของมิชลิน ตามเงื่อนไขในการเปรียบเทียบ ยางมิชลิน ไพรมาซี่ 4 ขนาด 225/50R17 101W PRIMACY 4 ทั้งยางใหม่และยางใกล้หมดดอก บนรถทดสอบ HONDA รุ่น Accord ซึ่งทดสอบเสียงในห้องโดยสารรถยนต์ที่ความเร็ว 50-70 กม./ชม. และผลประเมินความนุ่มสบายที่ความเร็ว 30-50 กม./ชม.

(6) สมรรถนะการเบรกบนถนนเปียกของยางฤดูร้อน, สมรรถนะการเบรกและการหยุดรถบนถนนเปียกและถนนที่ปกคลุมด้วยหิมะของยางทุกฤดูกาลและยางฤดูหนาว และสมรรถนะการควบคุมรถหรือการยึดเกาะบนสนามแข่งของยางสปอร์ต

(7) ข้อมูลจากรายงานหัวข้อ “Planned Obsolescence Is Not Inevitable” ซึ่งจัดทำโดยบริษัท เอินส์ทแอนด์ยัง (Ernst & Young) เมื่อเดือนพฤษภาคม 2560

(8) จากการประเมินภายในองค์กรโดยศูนย์เทคโนโลยีลาดูซ์ (Ladoux Technology Center) ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองแกลร์มง-แฟร็อง (Clermont-Ferrand) ประเทศฝรั่งเศส: เอกสารทางวิชาการ (Technical Bulletin) ฉบับวันที่ 27 กันยายน 2559 ว่าด้วยวัตถุดิบ การสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง และปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่เกิดจากการเปลี่ยนยางรถยนต์นั่งก่อนเวลาอันควร

คุณกำลังใช้งานเบราว์เซอร์เวอร์ชั่นที่ไม่รองรับการทำงานของเว็บไซด์
คุณกำลังใช้งานเบราว์เซอร์เวอร์ชั่นที่ไม่รองรับการทำงานของเว็บไซด์ซึ่งอาจส่งผลกระทบจากใช้งานในบางส่วน กรุณาเลือกใช้เบราว์เซอร์หรืออัพเกรดเบราว์เซอร์ให้ตรงกับรายการข้างล่างเพื่อประโยชน์สูงสุดในการเยี่ยมชมเว็บไซด์